จับตา JASIF ประชุมผู้ถือหน่วยวันนี้ ชี้ชะตาดีลล่มหรือไปต่อ

เรื่องที่น่าสนใจ เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“JASIF” ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน วันนี้ ลุ้นผลโหวต รับ “ADVANC” แก้ไขสัญญาใหม่ “บล.กสิกรไทย” แนะจับตา วาระ2 ยกเลิกประกันรายได้ค่าเช่า ชี้ชะตาดีลล่มหรือไปต่อ บล. ยูโอบีเคย์เฮียน ให้น้ำหนัก 80% ผู้ถือหน่วยโหวต “อนุมัติ” ปรับเปลี่ยนค่าเช่า เหตุ ADVANC มีทางเลือกมากกว่า

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน(JASIF) จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันนี้ (18 ต.ค. 2565 ) โดยมีวาระสำคัญ พิจากรณาอนุมัติ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) ขายหน่วยลงทุน JASIF และการขายหุ้น บริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด(TTTBB) ให้กับ บริษัท แอดวานซ์ไวรเ์ลส เน็ทเวอรค์ จำกัด (AWN) และการแก้ไขเกี่ยวกับค่าเช่าเส้นใยแก้วนําแสง (OFCs) และยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าฯลฯ

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การประชุมผู้ถือหุ้นหน่วย JASIF ในวันนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ถือหน่วยที่เข้าร่วมประชุมต้องครบองค์ประชุมที่ 1 ใน3 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกองทุน โดยคาดว่าจะครบองค์ประชุม เพราะ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 JAS ถือหุ้น 19% และ นักลงทุนสถาบันที่ถือหุ้น 20% รวม 39% ซึ่งเกิน1 ใน 3แล้ว

จับตา JASIF ประชุมผู้ถือหน่วยวันนี้ ชี้ชะตาดีลล่มหรือไปต่อ

โดยวาระที่ 1.1 พิจารณาอนุมัติให้ JAS ดําเนินการขายหน่วยลงทุนJASIF และการขายหุ้นTTTBB ให้แก่ AWN และ เปลี่ยนตัวผู้สนับสนุนจาก JAS เป็น AWN คาดว่าผู้ถือหน่วยจะอนุมัติ

ด้วยจากคะแนนเสียงของ นักลงทุนสถาบัน และ ผู้ถือหน่วยรายย่อยขนาดใหญ่ (ถือหุ้นตั้งแต่ 5 แสนถึง 1 ล้านหน่วย ) ถือหุ้นรวม 30% ซึ่งเกิน 3 ใน4 (ในกรณีที่ผู้ถือหน่วยรายย่อยขนาดกลางและขนาดเล็ก มีเสียงในการประชุมไม่เกิน 10%) เพราะ การที่ผู้ถือหน่วยรายย่อยขนาดกลางและขนาดเล็ก จะมีคะแนนเสียงได้ 10% จะต้องมีหุ้นรวมกัน 800 ล้านหุ้น ซึ่งไม่ง่ายที่จะรวมเสียงกันได้

ส่วนวาระ 1.2 พิจารณาผ่อนผันแก้ไขรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเช่าเส้นใยแก้วนําแสง (OFCs) และยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า ฯลฯ ซึ่งเดิมบล.กสิกรไทย คาดว่าผู้ถือหน่วยจะไม่อนุมัติคะแนนเสียง 100% เพราะ มีนักลงทุนสถาบันบางส่วนที่ไม่อยากให้มีการลดค่าเช่า แต่รอบนี้คาดว่ามีโอกาสอนุมัติ 50% เพราะ จากที่ AWN มีการแก้ไขสัญญาที่จะมีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า มูลค่า 3,000 ล้านบาท

รวมถึงธนาคารกรุงเทพ(ฺBBL) ให้ขยายเวลาในการชำระหนี้ ถึงปี 2575 จากเดิมที่ต้องชำระครบในปี 2573 และ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากMLR เป็น MLR-0.5% นับตั้งแต่ปี 2566-2573 ทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลในช่วง 3ปี แรกจะอยู่ที่ 0.82 บาทต่อหน่วย จากที่สัญญาเดิมผลแทนอยู่ที่ 0.95 บาทต่อหน่วย ซึ่งห่างกันไม่เยอะ เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่ปรับแก้ไขสัญญาที่ปันผลอยู่ 0.60 บาทต่อหน่วย

นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า หากวาระ1.2 ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติ กระบวนการต่อไปขึ้นอยู่กับ AWN จะยอมปรับเงื่อนไขสัญญา โดยไม่ยกเลิกประกันรายได้ค่าเช่าหรือไม่ ซึ่งหากไม่ยอมปรับสัญญา ก็จะทำให้ดีล AWN ซื้อหุ้น TTTBB และหน่วย JASIF ต้องยุติลง

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดว่า ADVANC จะยังคงซื้อ TTTBB และหน่วยJASIF โดยการแก้ไขสัญญา ไม่ยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า ซึ่งจะยอมลดมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อดีลนี้ ลงเหลือ 7 บาท จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 11 บาท โดยยังเป็นผลดีกับทาง ADVANC

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนัก 80% มีแนวโน้มที่ผู้ถือหน่วยจะโหวต “อนุมัติ” ให้มีการปรับเปลี่ยนค่าเช่า กรณีนี้มีโอกาสเห็น ราคาJASIF ตามมูลค่าพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นราว 0.2-0.3 บาทต่อหน่วย แต่ราคาซื้อขายในกระดานอาจเห็นราคาปรับขึ้นมากกว่าระดับนี้ได้

โดยปัจจัยบวกค่าเช่ารับล่วงหน้า และการปรับลดต้นทุนทางการเงินบางอย่าง ช่วยหนุนเงินปันผลระยะ 2-3 ปีแรก รวมถึงผู้ถือหน่วย ลดความเสี่ยงได้ ADVANC มาเป็นสปอนเซอร์ใหม่ในระยะยาว และใช้ประโยชน์ทางด้านกองทุนในอนาคตหรือการระดมทุนอื่นๆ และที่สำคัญด้วยความมั่นคงของ ADVANC มีความสามารถจ่ายค่าเช่าระยะยาวอย่างต่อเนื่อง มีมากกว่า TTTBB สปอนเซอร์เดิม

ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยประเมินว่า ยังมีโอกาสให้น้ำหนัก 20% ที่ผู้ถือหน่วย “ไม่อนุมัติ” ให้มีการปรับเปลี่ยนค่าเช่า กรณีนี้ ราคา JASIF ตามมูลค่าพื้นฐานอาจปรับลดลงแรงราว 1 บาทต่อหน่วย (คำนวณจากการคิดลดกระแสเงินสด ระยะเวลา 9 ปี ได้ราคาเหมาะสมที่ 7 บาทต่อหน่วย จากราคา8 บาทต่อหน่วยในปัจจุบัน)

นายกิจพณ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าผู้ถือหน่วยจะได้รับปันผลสูงต่อเนื่อง แต่ในแง่ของระยะเวลารับกระแสเงินสด จำกัดแค่ 9 ปี คิดเป็นในเชิงมูลค่า ราคาเหมาะสมอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหน่วย เพราะว่าโอกาสที่ ADVANC จะมาใช้โครงข่ายของ JASIF ในการขยายลูกค้าบรอดแบรนด์ อาจไม่คุ้มค่าเท่ากับลงทุนเองคุ้มค่ากว่า และในอนาคตข้างหน้าหากลูกค้ายกเลิกการใช้ บรอดแบรนด์ TTTBB ก็อาจมีการโยกย้ายไปใช้บอรอดแบรนด์ของ ADVANC หรือ คู่แข่งรายอื่นได้เช่นกัน ทำให้ความสามารถในการจ่ายค่าเช่าในอนาคตข้างหน้าของ TTTBB ให้กับผู้ถือหน่วย เป็นความเสี่ยงหรือมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีโอกาสที่ราคาหน่วย JASIF ปรับลงแรงอีกรอบ

“มองว่า กรณีนี้ ADVANC มีทางเลือกในมือมากกว่า เพราะ ADVANC ซื้อ JASIF มาเป็นตัวช่วยที่ดีในการที่จะไล่เติบโตตามคู่แข่ง แต่หากในอนาคตข้างหน้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากJASIF ได้ อาจเห็นการสร้างโครงข่ายใหม่และความพยายามย้ายฐานลูกค้าเดิมของ TTTBB มาใช้บนโครงข่ายใหม่ก็ได้ ในลักษณะเช่นนี้อาจทำให้ผู้ถือหน่วยไม่ได้ทางเลือกมากนัก ฉะนั้นเมื่อผู้ถือหน่วยไม่สามารถเลือกผลตอบแทนได้ แต่สิ่งเดียวที่ผู้ถือหน่วยเลือกได้คือ มั่นใจในสปอนเซอร์รายใหม่ ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า สปอนเซอร์เดิม ทำให้มองว่า มีโอกาสที่ผู้ถือหน่วยจะโหวตผ่านในวาระปรับเปลี่ยนค่าเช่า ยอมเสียผลประโยชน์ในระยะสั้น”

นอกจากนี้อาจยังมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตามว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีผู้มาลงคะแนนโหวตถึงตามเกณฑ์พิจารณาได้หรือไม่ หากไม่ถึงจะมีการจัดประชุมรอบหลังซึ่งคะแนนเสียงที่ต้องการจะน้อยลง

นอกจากนี้ อาจยังมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตามว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีผู้มาลงคะแนนโหวตถึงตามเกณฑ์พิจารณาได้หรือไม่ หากไม่ถึงจะมีการจัดประชุมรอบหลังซึ่งคะแนนเสียงที่ต้องการจะน้อยลง

คำแนะนำนักลงทุน มองว่า ปัจจุบันยังไม่น่าสนใจ เพราะว่าแม้มีโอกาสที่ราคาปรับขึ้นเป็น 11 บาท จากปัจจุบัน 8 บาท แต่ต้องถือเป็นระยะเวลา 16 ปี ไม่ขาดทุน หรือเท่ากับว่าได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.5% ต่อปี ถือว่าการลงทุนในกองทุน JASIF เหมะสมสำหรับผู้ลงทุนในตราสารหนี้หรือมองการลงทุนนี้ในระดับเดียวกับการลงทุนในตราสารหนี้

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม. ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเซียพลัส กล่าวว่า เราไม่สามารถประเมินกรณีได้ คงต้องรอเสียงโหวตผู้ถือหน่วยในช่วงบ่ายวันนี้เท่านั้น ซึ่งผู้ถือหน่วยคงตัดสินในบนเกณฑ์เดิม คือ “ผลตอบแทนกับความเสี่ยง” ว่าจะบาลานซ์สองเรื่องนี้อย่างไร เพราะการเปลี่ยนสปอนเซอร์ใหม่ส่วนใหญ่มองว่า ADVANC มีความมั่นคงและเครดิตเรตติ้งสูงกว่าสปอนเซอร์เดิม

อย่างไรก็ตาม มองว่า หากผู้ถือหุ้น โหวตไม่ผ่าน มองว่ามีผลเชิงลบต่อราคาหุ้น ทั้ง JAS JASIF และ ADVANC ในระยะสั้นๆ เพราะต่างฝ่ายก็ต้องไปโฟกัสการดำเนินธุรกิจของตัวเองต่อไป ขณะที่การคำนวณมูลค่าหุ้น ADVANC นักวิเคราะห์ของเรายังไม่ได้ใส่มูลค่าส่วนเพิ่มที่ควรจะเป็นจากดีลการควบรวบครั้งนี้เข้าไป จนกว่าจะมีความชัดเจนการตัดสินใจของที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF ก่อน