“ตุรกี” หวัง “Bitcoin” จะเป็นปาฏิหาริย์มาแก้ปัญหาวิกฤติเงินเฟ้อ

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

 

จากปัญหาของชำราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ และค่าแรงที่ลดลงแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินแทบไม่พอยาใส้ บวกกับความสิ้นหวังในหมู่ประชาชน ที่นับถอยหลังเริ่มเข้าสู่หายนะ ซึ่งความหวังเดียวคือการกระจายอำนาจของสกุลเงิน ที่จะเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจำในการกู้วิกฤติทางรอดของประเทศ

จากรายงานของ nasdaq ระบุถึงประเทศตุรกีซึ่งถือว่าเป็นอุทาหรณ์สำคัญและอาจเป็นลางสังหรณ์สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ค่าเงินปรับตัวอ่อนค่าลงเรื่อยๆ โดยล่าสุด “ลีราตุรกี” สกุลเงินของประเทศ ร่วงลงเกือบ 45% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ และร่วงลงมากถึง 20% ในหนึ่งสัปดาห์ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลาย ๆ คน เชื่อว่าตุรกีอาจอยู่ในภาวะเงินเฟ้อรุนแรง เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคแบบปีต่อปีอาจสิ้นสุดที่มากกว่า 30% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาตำหนิธนาคารกลางของสาธารณรัฐตุรกีที่ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย Tal (นามแฝงของประชาชนผู้ให้ข้อมูล) ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่เป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งเขาทำงานที่ร้านกาแฟระดับโลกในตุรกีตั้งข้อสังเกตว่า “ในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เขามีรายได้ประมาณ 4,774 ลีรา (หรือ 360 เหรียญสหรัฐ) แต่ ณ เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ประมาณ 2,917 ลีร่า (หรือ 220 ดอลลาร์) โดยเขาสมมุติว่า ถ้าต้องการดื่มกาแฟลาเต้ทอฟฟี่นัทแก้วใหญ่ เขาจะต้องจ่ายประมาณ 25% ของรายได้ที่ได้ในวันนั้น” ซึ่งถือว่าสินค้ามีราคาที่สูงมาก แต่เทียบกับค่าเงินกลับสวนทางลดลง

อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยประสบกับภาวะเงินเฟ้อแบบที่ Tal ประสบปัญหาอยู่ ซึ่งสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของราคาอาหาร โดยคุกกี้แซนวิชวานิลลาหนึ่งกล่องเพิ่มขึ้นจาก 5.75 ลีร่าในเดือนกันยายนเป็น 8.50 ลีร่าในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ขณะเดียวกัน อาหารสำหรับเด็กอ่อนในหลาย ๆ ที่มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า “ผู้คนต้องเข้าใจว่าเศรษฐกิจที่นี่แย่แค่ไหน ฉันเชื่อว่า Bitcoin คือทางออก ในตุรกี ตอนนี้เรามีผู้คนมากกว่า 5 ล้านคนที่ลงทุนใน bitcoin และ cryptocurrencies ซึ่งฉันพยายามประหยัดเงินไปซื้อ bitcoin ให้มากที่สุดเพราะ bitcoin เป็นทางออกที่ดีที่สุด” Tal กล่าว

ด้านผู้เกษียณอายุที่มีรายได้ต่อเดือนจำกัดและข้าราชการก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน ราคาร้านขายของชำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนการซื้อซอสมะเขือเทศ ขนมปัง โยเกิร์ต น้ำผลไม้ และแครกเกอร์มีราคาสูงกว่า 46 ลีรา สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ 2,500 ลีราต่อเดือน แค่การกินก็แพงมากแล้ว แม้ว่า Erdogan จะขึ้นเงินเดือนข้าราชการจำนวนมากขึ้นเกือบ 30% เมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้เพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นของตุรกีทำให้เกิดการประท้วงและความขัดแย้งมากขึ้นในประเทศ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการยับยั้งความคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์และกักขังฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีเออร์โดกันได้ทำการจับกุมเมติน กูร์แคน สมาชิกชั้นนำของกลุ่มต่อต้านที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ นั่นคือ พรรคประชาธิปไตยและความก้าวหน้า (DEVA) ในข้อหาจารกรรม แม้จะมีการคุกคามและนำไปสู่การกักขัง แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงตั้งใจที่จะจัดการชุมนุมใน Diyarbakır, İzmir, İstanbul และ Ankara Mehmet Bozgeyin จากสมาพันธ์แรงงานสาธารณะแห่งสหภาพแรงงาน (KESK) เรียกนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าทำรัฐประหารกับประชาชนและกล่าวว่า “ทุกวันเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับราคาที่เพิ่มขึ้น เราพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของเราได้” ที่แย่ไปกว่านั้น ปัญหาการขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องนำเข้าประเทศ ทำให้ร้านเบเกอรี่ต่างๆถึงกับออกมาขู่ว่าจะปิดตัวลงเนื่องจากส่วนผสมในการทำขนมปังมีราคาแพงเกินไป แม้แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลอย่าง อับดุลกาดีร์ เซลวี ของหนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยตเดลินิวส์ของตุรกี ก็แสดงความกังวลต่อแนวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ โดยระบุว่า “ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจมีผลกระทบทางการเมืองในวงกว้างซึ่งเรามองข้ามไม่ได้”

ขณะที่แผนการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน 2023 และไม่มีทางที่จะคัดค้านจุดยืนของประธานาธิบดี Erdogan โดยตรงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาเงินเฟ้อในระยะยาว ขณะที่ฝ่ายค้านทางการเมืองมีทางเลือกไม่กี่ทางที่จะทำให้ธนาคารกลางของตุรกีเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนประธานาธิบดี Erdogan ให้เครดิตการเติบโตของ GDP ล่าสุดของตุรกีที่ 7.4% และความจริงที่ว่าบัญชีเดินสะพัดของตุรกีเกินดุลเป็นสัญญาณว่านโยบายของเขากำลังทำงานอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยตุรกีมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจำนวน 1.7 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนปี 2564 เทียบกับการขาดดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้วที่การท่องเที่ยวกำลังเฟื่องฟูในตุรกีเช่นกัน

“เรากำลังปฏิเสธนโยบายดึงกระแสเงินร้อนที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง” ประธานาธิบดีเออร์โดกันกล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับโฆษกของรัฐ เขาแสดงความรังเกียจต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยระบุว่า “ตุรกีจะไม่เสี่ยงกับอนาคตทางการเมืองและเศรษฐกิจของตุรกีอีกต่อไปตามข้อกำหนดของสถาบันการปกครองเศรษฐกิจระดับโลก เช่น IMF และสถาบันที่คล้ายคลึงกัน” ซึ่งที่ผ่านมาในการถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Lütfi Elvan เนื่องจากไม่เห็นด้วยนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ประธานาธิบดี Erdogan แสดงความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้ “อัตราดอกเบี้ยเป็นสาเหตุ อัตราเงินเฟ้อคือผลลัพธ์” เขาเรียกร้องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามปลดปล่อยเศรษฐกิจ” ของเขาสำหรับตุรกี และขอให้ประชาชนสงบสติอารมณ์และ “อย่าหลงจากสามัญสำนึก” เมื่อซื้อสกุลเงินต่างประเทศ , การตั้งราคา และการช็อปปิ้ง

สำหรับ Tal รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาหวังว่าจะซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อไปทำงานและไปทำธุระให้ครอบครัวของเขา ตอนนี้มีราคา 15,950 ลีร่า มากกว่าเดิมถึง 3,950 ลีร่า หรือมากกว่าที่เคยทำในเดือนกันยายน ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเลื่อนการซื้อออกไป และในช่วงเศรษฐกิจที่ผันผวนของตุรกีตอนนี้ Tal จะยังคงซื้อและถือ bitcoin ต่อไปเพื่อรักษาเงินออมของเขาและหวังว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า

ปัจจุบันราคาซื้อขายเหรียญ Bitcoin ในตุรกีมีราคาสูงกว่ากว่าอัตราแลกเปลี่ยนในทั่วโลกกว่า 1000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Bitcoin ทั่วโลกมีการซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ $47,000 แต่ประเทศตุรกีกลับมีซื้อขายกันอยู่ที่ $48,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีส่วนต่างของราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์

ความนิยมในเหรียญคริปโตที่เพิ่มขึ้น จากความคาดหวังในการนำคริปโตมาแก้ปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในประเทศ

อัตราแลกเปลี่ยนของตุรกีที่ขยับขึ้นใกล้แตะ 1 ล้านลีราต่อ 1 BTC เข้าไปเรื่อยๆจากภาวะเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket