ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ล่าสุด บริษัทได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนถึงสองแบรนด์ชั้นนำ โดยดำรงตำแหน่งเป็นดิสทริบิวเตอร์อย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์ XPENG และเป็นดีลเลอร์สำหรับแบรนด์ ZEEKR ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน ซิกต์ รถเช่า ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ MGC-ASIA ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งภายในกลุ่มธุรกิจ ด้วยการตัดสินใจเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองแบรนด์เข้าสู่พอร์ตโฟลิโอของบริการรถเช่า โดยเลือกรุ่นที่มีศักยภาพสูงอย่าง XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าหรูหราทรงสปอร์ตคูเป้ และ ZEEKR X รถเอสยูวีไฟฟ้าสมรรถนะสูง การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจในเครือเดียวกัน แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไปของ ซิกต์ รถเช่า ประเทศไทย กล่าวถึงการเพิ่ม XPENG X9 เข้าสู่ฟลีตบริการว่า “การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับการเดินทางที่ทั้งสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวหรือนักธุรกิจที่มองหารถยนต์ที่มีความหรูหรา” สำหรับรถล็อตแรกที่ได้รับมอบนั้น จะให้บริการในรูปแบบของการเช่าแบบขับเอง และบริการลีมูซีน ผ่าน 5 สาขาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
“เรามีแผนการที่จะขยายจำนวนรถยนต์และเพิ่มสาขาให้บริการในอนาคตอันใกล้ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถลีมูซีนพร้อมพนักงานขับรถ ซึ่งเป็นบริการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวระดับพรีเมียม” นายภูมนกล่าวเสริม
XPENG X9 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัย 800 โวลต์ SiC Architecture ซึ่งรองรับความเร็วในการชาร์จสูงสุดถึง 317 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถเติมพลังงานจาก 10% เป็น 80% ได้ในเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 690 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ยาวไกลเพียงพอสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางทาง
รถตู้ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังมีจุดเด่นด้านความสะดวกสบายด้วยเบาะแถวสองแบบ Zero-Gravity ที่ออกแบบมาเพื่อลดความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทาง และเบาะแถวสามที่สามารถปรับเอนและพับเรียบได้ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความบันเทิงด้วยจอขนาดใหญ่ถึง 21.4 นิ้ว พร้อมระบบเสียงคุณภาพสูงจากลำโพง Xopera 23 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีระบบเลี้ยวสี่ล้ออัตโนมัติที่ช่วยให้รถมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.4 เมตร และช่วงล่างถุงลม Dual-Chamber ที่สามารถปรับความสูง-ต่ำ และความหนืดได้โดยอัตโนมัติ เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลในทุกสภาพถนน
ซิกต์ รถเช่า เปิดให้บริการเช่า XPENG X9 ในราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาทต่อวัน โดยในระยะแรกจะให้บริการผ่าน 5 สาขาในกรุงเทพมหานคร จากทั้งหมด 17 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วยสาขาลาดพร้าว, พระราม 4, พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, วิภาวดี-ดอนเมือง, ระยอง, หาดใหญ่, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท รวมถึงเคาน์เตอร์บริการที่สนามบินสำคัญทั่วประเทศ ได้แก่ สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, น่าน, อุดรธานี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ภูเก็ต, กระบี่, สมุย และสุราษฎร์ธานี
ก่อนหน้านี้ ซิกต์ ได้สั่งซื้อรถเอสยูวีไฟฟ้า ZEEKR X จำนวน 12 คัน เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตบริการรถเช่าของบริษัท โดยเลือกรุ่น Standard RWD ที่ใช้มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง และให้บริการแก่ลูกค้าในอัตราค่าเช่าเริ่มต้นที่ 1,899 บาทต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้
ZEEKR X ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รุ่น Standard RWD ที่ซิกต์นำมาให้บริการนั้น มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงถึง 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตัน-เมตร และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 540 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว
การเพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นเข้าสู่บริการรถเช่าของซิกต์ ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนธุรกิจภายในกลุ่ม MGC-ASIA เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการมุ่งสู่อนาคตของการเดินทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศจีน ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก
การขยายฟลีตบริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงนี้ ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065
